ผมรักในหลวงที่สุดในโลก

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ฝากสิ่งนี้ใว้ในอินเตอร์เน็ต

คำที่ลูกหลานควรจำ

ตัวอย่างอาชีพเสริมอย่างง่ายที่ทำได้ทุกครัวเรือน

การเลี้ยงหมูหลุม


การเลี้ยงกบ

การเผาถ่าน จากเศษไม้ข้างบ้าน

วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

จุดเริ่มต้นแห่งความพอเพียง และเพียงพอ

เริ่มจากการได้รับการอบรมการพัฒนาการเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่โดยยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ทำให้ตนเองครอบครัวได้มีโอกาสกลับมารับใช้พ่อ แม่ ตลอดจนได้ดูแลพี่ ๆ น้อง ๆ หลาน ๆ
โดยนำเอาความรู้ที่ได้มาปรับใช้กับชีวิตของตนเอง อีกยังสามารถขยายไปสู่ชุมชนในโดยการต่อไปได้



พี่เอก วิทยากรจากกสิกรรมธรรมชาติ สาธิตวิธีทำปุ๋ยน้ำ
กล่าวว่า "พวกเรารู้จักแต่ใส่ปุ๋ย ไม่รู้วิธีทำปุ๋ย แล้วที่จริงสิ่งที่เราใส่ให้ต้นไม้เป็นปุ๋ยจริงหรือป่าว วันนี้เราลองทำดูเองบ้างทำง่าย ๆ หาวัสดุในพื้นที่นั้นล่ะมาทำแล้วถ้าใส่ไปแล้วต้นไม้งามขึ้นจะเรียกอะไรก็เชิญ แต่เราต้องรู้จักทำเองบ้าง"

ในกลุ่มของพวกเราได้ร่วมกันทำ น้ำยาเอนกประสงค์ใว้ใช้กันเองในกลุ่ม
เป็นการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน (ล้างจานได้ ซักผ้าได้)


นอกจากนั้นยังจัดการพื้นที่ว่างเปล่าให้ใช้ประโยชน์อื่น ๆ เช่นขุดบ่อดินเพื่อเลี้ยงปลา  เลี้ยงเป็ดไข่ ไก่เบตง ใว้เพื่อกินเองและบ้างทีก็เหลือแจกให้พี่ๆน้องๆเอาไปกินบ้าง




พี่วิทยากรเอกกล่าวว่า “ลองดูเถิดครับทุกวันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องใช้เงินตั้งแต่เช้า เริ่มจากเปิดน้ำเลยครับ มิเตอร์น้ำวิ่งก็หมายถึงค่าน้ำแล้ว บางบ้านพูดว่าที่บ้านใช้น้ำบ่อ แต่พอถามกลับไปว่าตักเองหรือบั้มน้ำ คำตอบคือบั้มน้ำ ครับเงินมันก็ยังวิ่งตามไปที่มิเตอร์ไปอยู่อีก”

บทบรรยายที่พี่วิทยากรเอกได้ยกมา ซึ่งเน้นให้ชุมชนกลุ่มทุ่งขมิ้นได้รับทราบและต้องทำความเข้าใจอย่างพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน


วันนี้เศรษฐกิจพอเพียง มีการพูดถึงกันมากบางทีฟังแล้วเข้าใจ บางทีก็ไม่เข้าใจ แต่ก็ไมเป็นไร ไม่ต้องไปเถียงกันว่าอันไรถูกอันไหนผิด เอาแค่ว่าฟังแล้วนำไปทำกันจริงๆ หรือป่าว ถ้าภาษาทหารเค้าพูดว่าพิสูจน์ทราบ หรือทำกันจริงๆจังๆ ทำให้เห็นกับตาสำผัสจับต้องได้ สิ่งที่ต้องเริ่มคือใจของตนเองก่อนถ้าเรามีใจ และใจมาแล้วอย่างอื่นๆ ก็จะตามมาเอง และวันนี้ถ้ากลุ่มทุ่งขมิ้นมีแนวคิดที่จะน้อมนำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับชุมชนแล้ว ต้องมีการทำความเข้าใจให้ตรงกัน เมื่อมีความเข้าใจตรงกันก็จะมีวิธีการที่ตรงกันเกิดขึ้นมาเอง พระองค์ท่านได้ทรงพระราชทานให้ไว้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๗ แต่พวกเราเริ่มจะตื่นกลัวเอาเมื่อ ๒๕๔๑ เมื่อเศรษฐกิจล่มลงไป และเริ่มใส่ใจมากขึ้น มากขึ้น!!! เมื่อภัยมาถึงตัว


ขออนุญาติยก ส.ค.ส.พระราชทานแก่คนไทยปี พ.ศ.๒๕๔๗ เพื่อแสดงให้ทุกท่านเห็นภาพที่ชัดเจนว่าขณะนี้จะเกิดอระไรขึ้นกับประเทศของเราบ้าง โดยนำเอาบทความของท่านแกะดำทำธุรกิจมาแสดงให้ท่านได้ดูกัน ซึ่งเนื้อบทความก็จะคล้ายๆกับที่มีผู้ถอดรหัสได้ใกล้เคียงกันครับ
ส.ค.ส.ดังกล่าว ทรงประดิษฐ์ขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ มีข้อความว่า ส.ค.ส. พ.ศ.2547 สวัสดีปีใหม่ ใต้ลงมาเป็นภาพแผนที่บริเวณคาบสมุทรอินโดจีน บนพื้นที่เป็นภาพตารางช่องเล็กๆ ด้านบนทั้งสองด้านมีเสาธงปักอยู่ มีภาพระเบิดและควัน ล้อมรอบคาบสมุทรอินโดจีน อยู่ทั้ง 4 ด้าน ด้านบนซ้าย มีข้อความว่า มีระเบิดเกือบทั่วโลก ใต้ภาพระเบิดลงมาเป็นภาพเรือสำเภาขนาดใหญ่ แล่นมาจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่ใบเรือด้านหลังมีอักษร ม.ช. ปรากฏอยู่ บนคาบสมุทรอินโดจีนเป็นภาพแผนที่ประเทศไทยสีขาว ที่ขนานกับส่วนที่เป็นด้ามขวาน เป็นเส้นตรงสามเส้น บนแผนที่ประเทศไทยมีข้อความว่า “สามัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย” เส้นตรงทั้งสามเส้นนั้น เปรียบเป็นเสาหลักของประเทศ
ขณะที่ความสามัคคีของคนในชาติเป็นพลังที่ร่วมกันค้ำจุนให้ประเทศไทยเป็นปึกแผ่นมั่นคง ด้านล่างลงมามีข้อความว่า ขอจงมีความสุขความเจริญ บรรทัดต่อมาเป็นอักษรภาษาอังกฤษว่า Happy New Year และมีภาพสุนัข ขนาบข้างละตัว
กรอบล่างด้านใน มีข้อความว่า ก.ส. 9 ปรุง 291929 ธ.ค.2546 มหาวิทยาลัยปูทะเลย์ บ้านเชียง และมีภาพสุนัขขนาบ 2 ข้างคำว่า ห้าพันปี ตัวหนึ่งไม่มีปลอกคอ อีกตัวหนึ่งมีปลอกคอ ส่วนกรอบล่างด้านนอก เป็นภาพสุนัขขนาดลดหลั่นกันรวม 7 ตัว ตัวใหญ่สุดยืนเต็มตัวอยู่ด้านซ้าย ตัวถัดไปค่อยๆ ย่อตัวลง และขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ จนถึงตัวสุดท้ายด้านขวาสุดเป็นสุนัขตัวเล็กนอนหมอบอยู่
1 มีระเบิดเกือบทั่วโลก
2 ระเบิด 4 ทิศ
ประเทศไทย และโลกใบนี้ จะเสื่อมทรุดลงไปเรื่อยๆ เพราะมนุษย์ ไม่สนใจเรื่องศีลธรรม คุณธรรม และจะมีวิกฤติที่มนุษยชาติกำลังเผชิญ ๔ ประการ (ลูกระบิดทั้ง ๔ ลูกใน สคส) ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเตือนคนไทยผ่าน สคส. พ.ศ. ๒๕๔๗ แล้ว
๑. วิกฤติสิ่งแวดล้อม (Environmental Crisis) ภัยธรรมชาติ ฟ้าดินลงโทษ อากาศแปรปรวน ภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงของผิวโลก สารพันปัญหา จะหนักขึ้นเรื่อยๆ โรคระบาด ทั้งในคน ในพืชที่เป็นแหล่งอาหารของคนและสัตว์ โรคระบาดในสัตว์ ท่านลองทบทวนดูว่า เกิดโรคระบาดอะไรบ้าง ที่ยังไม่มียารักษา ทั้งโรคที่ไม่ระบาด ฯลฯ
๒. วิกฤติสังคม (Social Crisis) โรคเสื่อมคุณธรรม ภัยสังคม ยาเสพติด อาญชญากรรม ปัญหาเยาวชน ปัญหาคอรัปชั่น ฯลฯ
๓. วิกฤติเศรษฐกิจ (Economic Crisis) ข้าวยากหมากแพง ทุกวันนี้ สังคม "บ้าเงิน บ้าวัตถุ บริโภคนิยม เงินนิยม บันเทิงนิยม สุขนิยม" มุ่งกำไรสูงสุด เบียดเบียน แข่งขัน ชิงดีชิงเด่น เห็นเพื่อนมนุษย์ เป็นเพียง ทรัพยากร (มนุษย์) เห็นเพื่อนมนุษญ์เป็นสินค้า เป็นผู้บริโภค ผู้ขายมีหน้าที่ ในการกระตุ้น กิเลสของเพื่อนมนุษย์ วิกฤติเศรษฐกิจลุกลามไปทั่วโลก (ค่าเงินทุกประเทศรอบบ้านเราตกต่ำอย่างที่เห็น) อีก ๑๐ ปีข้างหน้า เงินทองจะไม่มีค่า "เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาสิของจริง" ฯลฯ
๔. วิกฤติความขัดแย้งทางการเมือง การปกครอง (Political Crisis) ขัดแย้งแย่งชิงน้ำ อาหาร ที่ดิน เมล็ดพันธุ์พืช ขัดแย้งทางความคิด ความเชื่อ ทางศาสนา และวัฒนธรรม ผู้คนจะเข้าประหัตประหารกันไม่มีวันจบสิ้น วิกฤติการเมืองภายในประเทศและระหว่างประเทศ สงครามนิวเคลียร์ สงครามเชื้อโรค ฯลฯ
3 มช เรือสำเภาที่มีอักษร มช แล่นมาจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึง เรือ"โนอาห์" เวอร์ชั่นแบบไทยพุทธ มช คือ มหาวิชชาลัยปูทะเลย์ อันเป็นที่อยู่แห่งความรู้อันยิ่งใหญ่ ที่จะขนคนที่มีเสบียงบุญ เล่นฝ่าทะเลไฟแห่งวัฏสงสารไปสู่ฝั่ง
4 สามมัคคีเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย  หากขาดความสามัคคี อนาคตประเทศไทย จะแตกออกเป็นอย่างน้อย ๕ ประเทศ เพราะวิกฤติต่างๆ เราจะแก้ปัญหาแบบหายใจหายคอไม่ทัน ทั้งปัญหาภายใน ปัญหาภายนอก ทั้ง ๔ เรื่อง
5 เสาสามเสา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะเป็นพลังค้ำจุนแผ่นดิน
6 มหาวิชชาลัยปูทะเลย์ + 8 ห้าพันปีสคส.ฉบับนี้ มีความเชื่อมโยงกับ "พระราชนิพนธ์พระมหาชนก" เป็นปริศนาธรรมที่ รอพระปราชญ์ นักปราชญ์ พระดีคนดีในสังคม ร่วมกันไขปริศนา และรอทุกภาคส่วนในสังคมร่วมกันประดิษฐาน "มหาวิชชาลัยปูทะเลย์" อันเป็นที่อาศัยแห่งความรู้อันยิ่งใหญ่นำมาซึ่งการปฎิวัติระบบการศึกษาและนำพาประเทศไทยให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองด้วยพระพุทธศาสนา และยั่งยืนอยู่ได้ถึง ๕๐๐๐ปี
7 บ้านเชียง  ชุมชนพอเพียง ชุมชนพุทธ ที่พึ่งพาตัวเองได้100% ทั้งปัจจัย4 และพลังงาน มีความพร้อมทั้งกายภาพและองค์ความรู้ มีเสบียงบุญและความสามัคคีของคนในชุมชน อันเป็นปัจจัยที่จะสามารถฝ่าวิกฤติการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ "มีระเบิดเกือบทั่วโลก"
ซึ่งน่าเห็นใจคนเมือง ซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ แต่สถานการณ์ต่างๆจะทำให้คนที่พอจะมีบุญจะทยอย อพยพย้ายเข้าสู่ชนบท
9 คุณทองแดงจำนวน ๗ ตัว ที่ค่อยๆหมอบและตัวเล็กลง
ระยะเวลาที่เหตุการณ์มีระเบิดเกือบทั่วโลกจะทยอยปะทุขึ้น รวมถึงความจงรักภัคดีต่อสถาบันจะลดลงตามระยะเวลาดังกล่าวด้วย ซึ่งหมายความว่า พระปราชญ์ นักปราชญ์ผู้ที่พอจะมีสติปัญญา ตีความ สคส.ฉบับนี้ออก จะได้มีเวลาเตรียมความพร้อมสำหรับการรับมือวิกฤติดังกล่าว ๗ ปี ซึ่งก็คือ ๒๕๔๗+๗ นั่นก็คือ ๒๕๕๔ซึ่งหมายความว่า ขณะนี้ พวกเราเหลือเวลาอีก อย่างน้อยไม่ถึง๒ ปี ในการเตรียมการรับวิกฤติดังกล่าวซึ่งเรื่องเช่นนี้บอกกันตรงๆไม่ได้ พระองค์จึงแฝงไว้เป็นปริศนาธรรม
แบบนอสตราดามุส ที่ให้คนตีความ หากนับระยะเวลาที่พระองค์พระราชนิพนธ์ พระมหาชนก และ ท.เศรษฐกิจพอเพียงแล้ว พระองค์ทรงทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า ไม่น้อยกว่า ๒๕ ปี และทางออกทางรอดของคนไทย ได้อยู่ในพระราชนิพนธ์เรื่องนี้แล้ว
ข้าพเจ้าตีความและถอดรหัสถูกผิดเช่นไร โปรดพิจารณา
หากท่านเห็นพ้อง โปรด "เริ่มด้วยช่วยกัน" คิดหาหนทางร่วมนำสังคมไทย ฝ่าวิกฤติและนำพาประเทศชาติให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองด้วยพระพุทธศาสนาอีกครั้งหนึ่ง
อนุโมทนา
ธัมมะอาสา

พี่วิทยากรเอกกล่าวทิ้งท้ายว่า

 “ครับนี้คือวิกฤติที่เกิดขึ้นมาครบหมดแล้ว และหากเรายังไม่ช่วยกันแก้ไขให้ถูกทางแล้ว จะเหลืออะไรไว้ให้ลูกหลาน วันนี้การสร้างชุมชนให้กลับมาเข้มแข็งเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ นั้นคือพลัง พลังของชุมชนโดยมีองค์ความรู้ไทย ภูมิปัญญาไทย และปัญญาไทย ในฐานะวิทยากรผู้ขันอาสาที่จะนำองค์ความรู้ที่ได้พบได้เห็นมา ตลอดจนค้นคว้าและหามาจากแหล่งความรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ วีดีโอ อินเตอร์เน็ต ข้อขูลและข่าวสารต่าง ๆ ลงปฏิบัติจริงให้แก่ชุมชน ในวันนี้ทางพัฒนาชุมชนอำเภอนาหม่อม จังหวัดสงขลา ได้นำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามโครงการไทยเข้มแข็ง เพื่อคัดเลือกกลุ่มเป้าหมาย จำนวน ๓๐ หลังคาเรือน ซึ่งกลุ่มทุ่งขมิ้นเอง ก็มีทรัพยากรที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ หากประเมินตามภูมิศาสตร์ และสังคมของชุมชนแล้ว ก็นับว่าการสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง ตลอดจนการพึ่งพาตนเองและเป็นต้นแบบได้ไม่อยาก การนำเอาวิทยาการต่างๆ ที่ชุมชนอื่น หรือ บุคคลอื่นๆ ได้ทำสำเร็จมาแล้ว มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม ก็สามารถทำให้ชุมชนมีความสุข และมีรายได้เพียงพอ พอที่จะแบ่งปันให้ผู้อื่นๆ ได้ จึงขอให้กลุ่มทุ่งขมิ้น จงเดินไปทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง โดยให้นึกถึง ว่าทำอย่างไรให้ พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น คือ ในแต่ละวันเราต้องกินอะไรบ้างเช่นข้าว หากเราไม่ได้ปลูกข้าว แต่เรามียางพารา มีมะนาว มีตะไคร้ มีชะพู มีหัวรก ก็เอาสิ่งนั้นไปตลาดด้วยซิครับ ลองเอาไปแลกข้าวซักกิโลหนึ่ง ผมว่าเขาคงจะให้ข้าวมากินบ้างแถมยังมีตังส์เหลือใว้ชื้อของที่จำเป็นต้องใช้ แค่นี้ก็พอจะอยู่ได้แล้วน่ะครับ สุดท้ายพอร่มเย็นนี่ซิครับสำคัญความหมายมันมองได้หลายมุม มุมหนึ่งบอกปลูกป่าใว้บริเวณบ้านเพื่อเกิดความร่มเย็น แถมยังมีของกินของใช้รอบบ้าน หากปลูกไม้ยืนต้นเช่น ตะเคียน ยางนา ไม้เคียม ดีไม่ดีสิบปีผ่านไปต้นไม้เหล่านั้นก็ลองดูซิครับว่าต้นหนึ่งราคาสักเท่าไร แถมยังมีนกต่างๆ มาเกาะร้องเพลงให้ฟังทุกวันโดยไม่ต้องไปขังมัน แต่ในมุมของผมมองว่าพอร่มเย็นนี้ เหมือนกับว่าถ้าเรามีสามพอที่กล่าวมาแล้ว มันก็ไม่น่าจะมีอะไรให้เดือนเนื้อร้อนใจ ทำให้ตนเองและสังคมรอบข้างก็เหมือนกันวันนี้เราพอคนเดียวไม่ได้หรอกครับ เราพอ แต่พ่อแม่พี่น้องเพื่อนรอบข้างหิวโซ หรือมีแล้วอยากได้อยากมีอีก เราจะนั้งร่มเย็นอยู่ได้บ้านของเราคนเดียวได้หรือ  ครับถ้าเราทำให้ครบทั้งสี่พอนี้แล้ว การเดินก้าวแรกก็เหมือนการติดกระดุมเสื้อ หากเราเริ่มต้นติดกระดุมเม็ดแรกผิดก็อย่างหวังถึงเม็ดอื่น ๆ เลย



สุดท้ายก็ขอให้ทุกคนเริ่มลงมือกันได้เลย สวัสดี”