ผมรักในหลวงที่สุดในโลก

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อีก 50 ปีโลกจะแตก

วันนี้ไม่พูดนำใดๆ น่ะค่ะ เอาถ่านกะลามะพร้าวบรรจุถุงที่เค้าสั่งซื้อเข้ามา กว่า ๒๐๐ กิโลก็เหนื่อยแล้ว แต่พี่เอกไม่รู้ไปเอาแรงบวกมาจากไหน เผาทั้งวัน จากสองเตาเป็นสี่เตา อยู่ๆ แกก็เล่นเน็ตแล้วออกมาโวยวายเล็กๆ เลยยกเวทีให้แกเลยดีกว่า เบื่อจริงๆ แต่เข้าใจสิ่งที่แกทำอยู่


พี่เอก เรื่องโลกแตกตามที่สื่อต่างๆลงจนเป็นที่สนใจมันมากของวันนี้ มันเป็นเรื่องดีน่ะที่ออกมาเตือนกันถึงเรื่องราวอีก ๕๐ ปี เพราะวันนั้นคนนี้จะอยู่หรือไม่เดายาก แต่ “ลูกหลานไทย มรดกไทย ภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้จะคงอยู่ได้หรือ เอกราช ความเป็นไท จะเหลือให้ใครฟัง”


ไม่แปลกเลยสำหรับเรื่องโลกแตกทำใจมานานแล้ว แต่ก็แอบดีใจเล็กๆน้อย ที่เกษตรกรส่วนหนึ่งไม่ต้องทิ้งภาระให้ลูกหลานต้องรับผิดชอบ ในหนี้ที่ลูกหลานเป็นคนกระทำให้ได้มาเพื่อคำว่า “ได้เหล่ารียน” บนภาระที่ต้องขาดทุนจากหลายปัจจัยในการผลิตสินค้าของภาคเกษตร ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดพันธ์ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง อาหารเริ่ม อาหารเร่ง ฯลฯ ที่ภาคเกษตรต้องทนรับภาระนี้ไว้ เพื่อได้มาซึ่งเงินตราในการลงทุนในแต่ละครั้ง แล้วก็ขาดขาดทุนทุกครั้ง มีบ้างที่ได้กำไร นิดหน่อย แต่ผู้ที่ได้กำไรมากกว่าเป็นใครก็ลองคิดดูน่ะครับ  ผมอ่านข่าวแล้วก็ขอใช้คำว่าวิพากย์น่ะ (จริงๆคำนี้ต้องขอกราบเท้าอาจารย์ยงยุทธ์ เสมอมิตร) ผู้ที่ให้คำจำกัดความนี้ เรื่องคำว่า วิพากย์ กับ วิจารณ์ ประเด็นคือว่า วิพากย์ คือแจงให้รู้ให้เข้าใจ แต่ วิจารณ์ ต้องใช้ความละเอียดทีถูกต้องชัดเจน ผมเองก็ไม่รู้จริงหรอกครับเรื่องคำพูด เพราะทุกวันนี้ใช้กันหลายภาษา แต่เป็นแค่คำกริยา ของภาษานั้นๆ ก็เท่านั้นเอง ชิมิ ชิมิ เข้าเรื่องดีกว่า เรื่องของปัญหาโลกแตก ตามหัวข้อ ดีครับที่นำสถิติมาเพื่อให้นึกได้ เห็นได้ ว่ามันเกิดขึ้นจริง แต่ถามกลับว่า แล้วคนที่คิดเรื่องนี้ ทำเรื่องนี้ กำลังทำ กำลังปกป้อง ป้องกัน เรื่องนี้ มาบอกมาเล่า มาแสดง ทำใม?ไม่ออกมาคู่กัน เช่นถ้าเกิดขึ้นจริงแก้กันอย่างไร


ในสื่อที่กล่าวมาอ้างถึงหนังฮอลีวูดในเรื่องโลกแตกใช้คำว่ากรอกหู ผมไม่ว่าหรอกครับ แต่อยากให้เจาะจงว่าเรื่องไหนเป็นอย่างไร ไม่ได้อิงฝรั่งมังค่า แต่ต้องดูหัวใจให้เจอะ ว่าในหนังแต่ละเรื่องมันมีคติสอนอยู่ เรื่องความรัก ความเหลวแหลกของครอบครัวทำให้พ่อต้องเลี้ยงลูกสาว แต่โลกจะแตก แล้วต้องช่วยโลกไว้ก่อน ก็ต้องไปดูอามาแกดอน เรื่องมิตรภาพ สัมพันธภาพต้องไปดูอวตาล เรื่องผู้นำประเทศ ศิลธรรมต้องดู สึนามิ ฯลฯ วันนี้เรายังไม่มองประเด็นเดียวกันเลย จุดศูนย์กลางแห่งความคิดสู่ทางสว่างอยู่ที่ไหน หรือต้องรอให้ซุปเปอร์แมน มดเอ็กซ์ มนุษญ์คางคาว หนุมาน หงอคง อินทรีย์แดง มาช่วยนั้นหรือโลกเราถึงรอด


ทำไม๊ ทำใม เราไม่พึ่งพาตนเอง ??? อันที่จริงมีคนมากมายได้เสนอแนวความคิดดีๆ ไปแล้ว แสดงสถิติไปแล้ว ไม่ว่าเรื่อง โลกห้าใบ ของพี่พงษ์สา ชูแนม ภูภาสู่มหานที หยุดวิกฤติโลกร้อน ของเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ฯลฯ ใครเป็นผู้เสนอผลงานในเชิงสถิติกันบ้าง หรือ แค่มีกิจกรรมที แสดงกันที แล้วจบไป (อันนี้หมายถึงสื่อต่างๆ) คำว่ายั่งยืนที่เรียกหากันมันอยู่ตรงไหน ใครตอบได้ช่วยตอบที แต่วันนี้ จนถึง อีก ๕๐ ปี ที่มีแรงอยู่จะรีบสร้าง เสริม ทะนุ บำรุง รักษา ดำรงค์ คงไว้ ให้สมกับชื่อชูชาติ ที่พ่อ ชูเกียรติ ตั้งไว้ให้ และเพื่อเป็นอนาคตของ ชญาธิดา ลูกสาว และลูกหลานชาติไทยเชื้อหน่อไทย ได้สืบทอดต่อไป ดีที่มีการเตือน ปลุกให้ตื่น ดีที่มีการประโคมข่าวให้ระวัง โดยใช้โอกาสที่หลายคนกำลังตื่นกลัว บ้างคนตั้งตัวได้จากภัยที่เกิดขึ้น บางคนสิ้นเนื้อประดาตัว บางคน สูญเสียที่พึ่ง บางคนมีน้ำตา บางคนมีรอยยิ้ม มันไม่ใช่สิ่งที่ผมเห็นจากโรงภาพยนต์ เพราะผมดูซีดี หลังคนอื่นๆตลอดๆ เรื่องสุดท้ายที่เข้าโรงหนังคือ พระนเรศวร๒ ในความเป็นจริงแค่อุทกภัยที่สงขลา และหาดใหญ่ น้ำใจ และความร่วมมือยังมีอยู่ แต่ขาดผู้จัดการเท่านั้นเอง เริ่มมองหากันเกิดครับ อย่ารออีกห้าสิบปีเลย ผู้จัดการที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตทุกคนใกล้ตัวแค่นี้เอง ลองถามเงาในกระจกดูซิครับ ว่าเป็นใคร ขอแค่พึ่งคนที่คุณเห็นในกระจก แค่หนึ่งในสี่ก็พอ
ต่อมาคือ หลายคนหลายความคิด หลายคนหลายจิตใจ แต่ที่ตั้งคำถามต่อไปว่าชีวิตหนึ่งเกิดมาเพื่ออะไร คำตอบก็คือ ก็มีหลายๆอย่างแล้วแต่ละคนจะเลือกเป็น บ้างคนเกิดมาเพื่อกอบโกย บ้างคนเกิดมาเพื่อคนอื่น แต่อะไรคือจุดกลางล่ะครับ ไปงานศพ ๓ งาน ในเวลา ๒ วัน มันเห็นแค่จุดจบของชีวิตคนๆหนึ่งเท่านั้นเอง ก็ต้องใช้เวทีตรงนี้น่ะครับ พื้นที่เล็กๆ บนโลกกว้างขว้างของอินเตอร์เน็ต ไม่ใช่เป็นผู้รู้ แค่เป็นคนที่มีความรู้สึกอยู่บ้างก็เท่านั้นเอง

การเป็นคนทำสื่อมันยากกว่าที่คิด เพราะภาพที่เห็นความจริงที่ปรากฎ มันยากมากที่จะออกมาเป็นสื่อ เพื่อสื่อให้คนเห็นอย่างเรา มันจริงเสมอสำหรับคำพูดว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่ คนพูดความจริงตายก่อนเสมอๆ” สุดท้ายจะได้อะไร ก็มีแค่ประโยคสดุดีที่หน้าศพตอนท้ายว่า “ความดี ความชั่ว ประดับไว้ในโลกา” (มันเป็นกลอน ที่หมายถึง วัวควายตายแล้วเหลือหนังเขา แล้วคนเราเผา จะเหลืออะไรนอกจากความดีชั่ว) ก็จำไม่ได้ทั่งหมด แต่ผู้อ่านหลายๆท่านคงได้ยิน
วันนี้ไปมาอีกงานพระเทศนาดี ฟังง่ายเข้าใจ เรื่องการปฎิบัติตนของตน ในฐานะเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูก สรุปคือ เป็นให้เป็นของอ.ยงยุทธ์ เสมอมิตร มันคล้ายๆกัน แต่ที่นึกขึ้นได้คือ อ.ยงยุทธ์ เสมอมิตร ได้กล่าวถึง ท่านพุทธทาสว่า “ธรรมะไม่กลับมาโลกาจะวินาศ” ประเด็นนี้เลยต้องมาคุยกันต่อ ว่า เกี่ยวอะไร กับ ๕๐ ปีโลกจะแตกจะวินาศ ก็ยกประโยคแสรงว่า “ดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ได้” คือทุกวันนี้วิกฤติต่างๆ มันเตือน มันแสดงให้เห็น ไม่รู้กี่เรื่องกี่ราวแล้ว แต่เราไม่สนใจ ยังลงมือลงไม้กับโลกนี้ประเทศนี้อย่างไม่บันยะบันยั้ง การใช้ทรัพยากรโดยไม่สนใจ การไม่เปิดใจเชื่อฟังในการถนอมทรัพยากรธรรมชาติ ไปค้นคว้าแต่ต่างโลกต่างดาว จนพวกต่างด้าวเต็มบ้านเต็มเมือง เพราะเรามองไปข้างหน้าอย่างเดียว โรงงานมีแรงงานแต่แรงงานต่างด้าวคนไทยไม่มีงานทำ จ้างต่ำกว่าวุฒิของระบบทุนนิยม ไม่มีงาน ไม่มีเงิน มีที่ดินแต่ทำกินไม่เป็น ตะไคร้ ๓ ต้นห้าบาท มะนาวลูกละ ๓ บาทกันแล้ว ยังยิ้มกันได้อยู่อีก มองอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่าพูดถึงการพัฒนาเลย เพราะแค่ไม่เข้าใจที่เป็นกะดุมเม็ดแรกยังผิดอยู่ เข้าใจหมายถึงอะไร หมายถึงว่า “ก็มันเป็นเช่นนั้นเอง” ประโยคนี้หรือที่ทถูกต้อง? หรือ เข้าใจหมายถึง “เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา”เช่น “เป็นข้า ข้าก็ต้องทำอย่างนั้น” ผมไม่ได้ต้องการชี้นำไปในทางใดๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่การน่าเชื่อถือข้อความที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ ผมใช้คำว่าสามัญสำนึกจะดีกว่า เพราะการออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะชนต้องประกาศให้ชัดไปเลยว่าตัวตนคิดอย่างไร สื่อต้องเป็นกลาง แต่คำว่าเป็นกลางนี่แหล่ะครับยังหากันไม่เจอะของจริง แม้มันเกิดมาตั้ง ณ ปัจจุบัน ๒๕๕๓ ปี มัชฌิมาปฏิปทา ยังหากันไม่เจอะ ไม่เจอะเพราะเป็นคำพระเป็นบาลี ทุกวันนี้เลยปฏิบัติตนแบบเลี่ยงบาลีกันเยอะที่จริงแล้วทางสายกลางที่เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา มันอยู่ใกล้ตัวนี้เอง แต่เรามองข้ามไป ใช้พื้นที่แห่งนี้ก็ต้องอ้างถึงการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แต่ขอแสดงความคิดเห็น แสดงภาพที่เราเห็นกันทุกวัน ว่าทำใม “ทางสายกลาง” จึงอยู่เหนือกรอบทั้งหมด ซึ่งผมเห็นและอ่านประโยคนี้เป็นประโยคแรกก่อนที่จะอ่านประโยคอื่นๆต่อไป

ผมไม่สามารถจะชี้ประเด็นใดๆลงลึกกว่านี้ได้ เพราะคุณวุฒิวัยวุฒิ ยังด้อยอยู่ แต่ยังคอยดู เฝ้าคอย รอคอย ผู้มีคุณวุฒิ วัยวุฒิ จะทำสิ่งนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ถ้าวันนี้ยังบวชเป็นพระภิกษุสงฆ์อยู่ จะพูดเรื่อง หิริโอตัปปะ แต่สึกแล้ว ก็ไม่พูด เพราะพูดไปคนมีอายุมากกว่าจะตำหนิเอา ว่ารู้มาก แก่แดด ทำท่าว การทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ตำหนิ ไม่สบายใจ มันเป็นความหน้าละอายต่อปาป จนเกิดความสะดุ้งกลัวต่อปาป ผมเลยไม่ลงลึกถึงความหมายของประโยคนี้ให้มากความ เลยขอพูดให้พอประมาณ พอเห็นภาพ พอนึกกันได้ เหตุผลที่ต้องพูดบ้างเพราะมันเป็นสัจธรรมเป็นความจริง ถึงแม้เป็นข้อคิดเห็นแต่ก็ได้จากธรรมะที่ทุกคนก็ทราบกันดี ซึ่งถ้าทุกคนลองประยุกต์ใช้ให้ทุกต้องแล้ว ชีวิต เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม จะต้องสมดุล มั้งคั่ง และยั่งยื่น แน่นอน


แต่การไม่รู้จักปาปบุญคุณโทษไม่ไช่หรือ ที่ทำให้คนละเมิดกันเอง ละเมิดต่อธรรมชาติ เพื่อได้มาซึ่งผลประโยชน์แก่ตน แล้วเป็นอย่างไร เมื่อธรรมชาติทวงคืน ยังพอมีเวลาครับตามที่ข่าวเล่ามา ผมไม่พูดประเด็นว่า เวลาที่ผ่านมาจากสถิติว่า วันนั้น วันนี้ เกิดพายุ เกิดน้ำท่วม เกิดดินถล่ม แต่อย่างใด แต่ผมขอแสดงความเป็นจริงว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงให้แนวทางไว้เมื่อ ๓๖ ปีมาแล้ว ถ้าวันนั้นทุกคนได้น้อมนำมาปฏิบัติ วันนี้ประเทศหรือโลกเราจะเป็นอย่างไร หรือจะต้องรออีก ๕๐ สิบปี ที่พวกเราจะมีโอกาสได้เริ่มลงมือกันในวาระสุดท้ายของพวกเรา แล้วใครจะเป็นคนอ่านสดุดีในโอกาสสุดท้ายของพวกเรา
ในนามมนุษชาติเพื่อให้ธรรมชาติฟัง
แล้วในคำสดุดีที่เรามีต่อธรรมชาติ มันคืออะไร